ตลาด
บัญชี
แพลตฟอร์ม
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือ
เขียนโดย Itsariya Doungnet
อัปเดตแล้ว 16 พฤษภาคม 2025
ในบทความนี้เราจะพา นักเทรดมือใหม่ ที่สนใจเริ่ม เทรดทอง เข้ามาทำความรู้จักกับ วิธีการเทรดทองคำ อย่างละเอียด ครบจบที่บทความนี้ที่เดียว หากคุณยังไม่เข้าใจว่า ทองคำคืออะไร เรามาทำความเข้าใจกันแบบง่ายๆ กัน ทองคำ คือ สินทรัพย์ที่แข็งแกร่งและมั่นคง หรือ สินทรัพย์ปลอดภัย ที่เป็นตัวเลือกยอดนิยมของนักลงทุนทั้งรายย่อยและรายใหญ่ อ่านต่อได้เลย
เทรดทองคืออะไร ความรู้พื้นฐานที่คุณต้องรู้ก่อนลงทุน เทรดทอง คือ การซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น MT4 หรือ MT5 เพื่อเก็งกำไร
วิธีการเทรดทองคำ มีหลายแบบ เช่น Spot, CFD, ฟิวเจอร์ส และ ETFs แต่ละแบบมีระดับความเสี่ยงและความยืดหยุ่นต่างกัน
การเทรดทอง เปลี่ยนไปตามปัจจัยพื้นฐาน เช่น อัตราเงินเฟ้อ ค่าเงินดอลลาร์ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และความต้องการในตลาด
เริ่มต้นเทรดทองได้เพียง เปิดคำสั่งซื้อ-ขายใน Forex เช่น XAU/USD เพียงใช้เลเวอเรจ เพิ่มกำไรจากเงินเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
เทรดทอง คือ การเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาในตลาดโลก เพียงแค่เปิดสัญญาณเทรดทอง ผ่านเพลตฟอร์ม MT4, MT5 หรือ โบรกเกอร์เทรดทอง การทำกำไรจากการเทรดทองก็คือ การซื้อขายตามราคาทองในตลาด หรือ การซื้อขายระยะสั้น นักลงทุนสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินทุนไม่มาก
เทรดทองคำ สามารถลงทุนได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสไตล์การลงทุนแต่ละคน ซึ่งรูปแบบหลักๆ มีดังนี้:
เทรดทอง Spot คือ การซื้อขายทองคำราคาตลาดปัจจุบัน จะอิงราคาทองคำจากตลาดโลก เช่น ตลาดนิวยอร์ก (COMEX) หรือ ตลาดลอนดอน ที่มักจะใช้ในแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง การเทรด Forex คุณสามารถทำกำไรได้จากการ ซื้อเมื่อราคาลง และขายออกเมื่อราคาขึ้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ เทรดทองระยะสั้น-กลาง
เทรดทองแบบ CFD คือ การเก็งกำไรจากส่วนต่างราคาทอง คุณสามารถเปิดคำสั่งซื้อขายได้จากการวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ นอกจากนี้แล้วก็สามารถใช้ เลเวอเรจ (Leverage) เพื่อเพิ่มขนาดการลงทุนได้ รูปแบบนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีความรู้พื้นฐานด้านการลงทุนและการ วิเคราะห์ราคาทอง เพราะมีความเสี่ยงสูง ต้องบริหารเงินทุนให้ดี
ฟิวเจอร์สทองคำ (Gold Futures) เป็นสัญญาซื้อขายล่างหน้า หมายความว่า จะมีการตกลงราคากันในปัจจุบัน แต่จะทำการส่งมอบกลับให้ในอนาคต ตามวันที่และราคาที่กำหนดในสัญญา คุณสามารถเปิด สัญญาซื้อ หากคิดว่าราคาทองจะขึ้น หรือ สัญญาขาย หากคิดว่าราคาทองจะลง ข้อดีของรูปแบบนี้คือ คุณสามารถทำกำไรเทรดทองฟิวเจอร์สได้ทั้งตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง
การลงทุนทองคำ ETFs (Gold Exchange Traded Funds) คือ การลงทุนในกองทุนทองคำ ที่มักจะใช้กลยุทธ์การลงทุนเพื่อซื้อทองคำแท่งจริง แต่คุณไม่ต้องซื้อหรือเก็บทองคำเอง เป็นการที่นักลงทุนได้ซื้อหน่วยลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์เหมือนการเทรดหุ้นทั่วไป ราคากำไรจะเปลี่ยนแปลงไปตามราคาขึ้นลงของทองคำ เหมาะกับคนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว
ราคาทองคำ ตลาด Forex จะใช้สัญลักษณ์ สกุลเงินเทียบกับราคาทองคำ ว่า XAU/USD หมายถึง ราคาทองคำ (XAU) เทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เช่น XAU/USD ที่ราคา 2,300 แปลว่า ราคาทองคำ 1 ออนซ์ มีมูลค่า 2,300 ดอลลาร์
คุณจะเห็นการเคลื่อนไหวราคาจากเพลตฟอร์ม เทรดทองคำ หากกราฟราคาทองขึ้น ก็หมายความว่า ราคาทองคำเพิ่มขึ้น แต่หากกราฟเคลื่อนตัวต่ำลง ก็หมายความว่า ราคาทองลง คุณสามารถ เทรดทองคำได้ 2 แบบ คือ ซื้อ และ ขาย ตามส่วนต่างของราคา ที่เราเรียกว่า Spread หรือ ต้นทุน การเก็งกำไรทองคำ
เพื่อให้คุณเห็นภาพรวม ขั้นตอน การเทรดทอง ตลาด Forex จากที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้นของราคาทองที่ XAU/USD = 2,300 ขนาดล็อตที่ 0.1 (10 ออนซ์) สมมุติว่า โบรกเกอร์ให้เลเวอเรจ เลเวอเรจ 1:100
คุณสามารถเปิดคำสั่งซื้อที่ราคา 2,300 ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ราคาทองก็จะขึ้นเป็น 2,310 ก็หมายความ ราคาทองขึ้นไป10 ออนซ์ เมื่อคุณได้ปิดคำสั่งเพื่อทำกำไร นั่นก็หมายความว่า คุณจะได้รับกำไร 100 ดอลลาร์ จากการคำนวณ 10 ดอลลาร์ × 10 ออนซ์
คุณสามารถเปิดคำสั่งขายที่ราคา 2,300 ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ราคาทองลงมาเป็น 2,290 หรือ ราคาทองลดลงไป 10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากนั้นคุณปิดคำสั่งเพื่อทำกำไร นั่นก็หมายความว่า คุณจะได้รับกำไร 100 ดอลลาร์ ที่มาจาก 10 ดอลลาร์ × 10 ออนซ์
ความผันผวนของราคาทอง เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยหลากหลาย ซึ่งปัจจัยหลักๆ ที่มีผลต่อทั้งตลาดทองคำและเศรษฐกิจโดยรวม ก็มีดังนี้
เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ราคาสินค้าทั่วไปก็จะสูงขึ้นด้วย แต่ทองคำมักถูกมองว่าเป็น สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง จากเงินเฟ้อได้ดี เพราะราคาทองมักจะเพิ่มขึ้น เมื่อมูลค่าเงินลดลง ดังนั้นเมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น นักลงทุนมักหันมาซื้อทองคำ เพื่อรักษามูลค่าของเงินทุน เป็นการลงทุนที่ปลอดภัย ซึ่งจะผลักดันให้ราคาทองคำสูงขึ้น
การซื้อขายทองคำส่วนใหญ่จะใช้สกุลเงิน ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ดังนั้นเมื่อค่าเงินดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น ราคาทองมักจะลดลง เนื่องจากทองคำจะมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ที่ถือสกุลเงินอื่นๆ ในทางกลับกัน เมื่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง ราคาทองจะเพิ่มขึ้น เพราะทองคำจะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่า เมื่อเทียบกับสกุลเงินที่อ่อนแอลง
ช่วงที่เศรษฐกิจเกิดวิกฤตหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เช่น ภาวะถดถอย (Recession), การระบาดของโรค, หรือวิกฤตการณ์การเงินทั่วโลก เช่น การขึ้นภาษีนำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์ นักลงทุนมักจะมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ดังนั้นราคาทองคำมักจะพุ่งสูงขึ้นในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ความต้องการตลาดทองคำทั้งจาก นักลงทุน และ อุตสาหกรรม เช่น การผลิตเครื่องประดับ หรือ อิเล็กทรอนิกส์ มีผลต่อราคาทองคำอย่างมาก หากมีความต้องการทองคำสูง ราคาทองก็จะเพิ่มขึ้น ในทางตรงข้ามหากความต้องการลดลง ราคาทองจะลดลงด้วย นอกจากนี้การซื้อทองคำจาก ธนาคารกลาง ของประเทศต่างๆ ก็ส่งผลต่อราคาทองคำเช่นกัน
เทรดทองคำ มีข้อดีหลายประการที่นักลงทุนจำเป็นต้องรู้ นี่คือข้อดีหลักๆ ของการ เทรดทอง:
ทองคำมักถูกมองว่าเป็น สินทรัพย์ที่ปลอดภัย หรือ Safe Haven สามารถ เทรดทองผ่านแอป ได้สะดวก สามารถเลือกเทรดช่วงที่ตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ เกิดความผันผวนได้ นักลงทุนหลายคนจึงหันมาซื้อทองคำกัน เพราะมีมูลค่าคงที่และไม่ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของตลาดการเงิน ทำให้เป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น
ทองคำมี สภาพคล่องสูง หมายความว่า คุณสามารถซื้อขายได้ง่ายและรวดเร็วในตลาดโลก นักลงทุนสามารถซื้อขายทองคำได้ตลอดเวลา เนื่องจากตลาด Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมงในหลายๆ ประเทศ สามารถหาเวลาเทรดทองที่ดีที่สุด ที่คุณสะดวกได้เลย ไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา
คุณสามารถเลือกลงทุนได้หลายวิธีที่ต้องการ เช่น การซื้อทองคำจริง, การซื้อผ่านกองทุน ทองคำ ETFs หรือ การเทรดทองคำในตลาดฟอเร็กซ์ (XAU/USD) แต่ละวิธีก็จะมีระยะเวลาในการลงทุนที่แตกต่างกัน อย่างการซื้อทองคำจริง ก็จะเหมาะกับการลงทุนระยะยาว ในขณะที่การเทรด ก็จะเหมาะกับการทำกำไรระยะเวลาลงทุนระยะสั้น
ตอนนี้มือใหม่นัดเทรดก็น่าจะเข้าใจกันแล้วว่า เทรดทองคืออะไร ซึ่งนอกจากข้อดีการเทรดทองคำแล้ว ก็มีความเสี่ยงที่นักลงทุนควรระวังเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว การจัดการความเสี่ยงในการเทรดทอง ที่มีประสิทธิภาพ นี่คือความเสี่ยงหลัก ๆ ที่ต้องระวังในการ เทรดทองคำ:
ราคาทองคำ มีความผันผวนสูง ที่เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในระดับโลก เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ หรือความตึงเครียดทางการเมือง ที่ส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวเร็วกว่าปกติและไม่มีทิศทางแน่นอน อาจทำให้นักลงทุนเกิดการขาดทุนได้ เพราะฉะนั้นแล้ว นักเทรดจำเป็นต้องติดตามข่าวสารตลอดเวลา
การใช้ เลเวอเรจ ในการ เทรดทองคำ สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนด้วยเช่นกัน หากใช้เลเวอเรจเกินกว่าที่ควรจะเป็น อาจทำให้การขาดทุนมากกว่ากำไร และอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดได้ คุณจำเป็นต้องเข้าใจการใช้เลเวอเรจ รวมถึงวิธีการคำนวณอย่างละเอียด เพื่อควบคุมระดับความเสี่ยง
เทรดทองคำ ผ่านโบรกเกอร์ อาจมี ค่าธรรมเนียมเทรดทอง ต่าง ๆ เช่น ค่าคอมมิชชั่น, ค่าสเปรด หรือค่าธรรมเนียมการฝากถอน ซึ่งอาจลดกำไรจากการลงทุนได้ หากคุณไม่ได้เลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าธรรมเนียมเหมาะสมหรือไม่มีค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว คนักลงทุนจึงควรพิจารณาค่าธรรมเนียมจากโบรกเกอร์ให้ดี
นักลงทุนมือใหม่ ที่สนใจเริ่มต้น เทรดทอง ควรมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน อย่าง การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับทองคำ เพราะนี่จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสการทำกำไรได้มากกว่า:
แนวรับ (Support) คือ ระดับราคาที่หยุดลงและกลับตัวขึ้น เพราะมีแรงซื้อสะสมในระดับนั้น ส่วนแนวต้าน (Resistance) คือ ระดับราคาที่หยุดขึ้นและกลับตัวลง เพราะมีแรงขายสะสมในระดับนั้น ช่วยให้คุณรู้จุดเข้าออกที่เหมาะสม เช่น ซื้อเมื่อราคาทองดีดจากแนวรับ หรือขายเมื่อราคาทองใกล้แนวต้าน
การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น กราฟแท่งเทียน (Candlestick) หรือ อินดิเคเตอร์สำหรับเทรดทอง ได้แก่ เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average), MACD, RSI ฯลฯ จะช่วยให้นักเทรดมือใหม่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของราคาทองได้ดีขึ้น การดูรูปแบบกราฟสามารถช่วยในการตัดสินใจว่า ควรเข้าซื้อหรือขายเมื่อใด และยังช่วยในการจับจังหวะตลาดที่เหมาะสม
การตั้ง Stop Loss/Take Profit ทองคำ คือ การจำกัดจุดขาดทุนไว้ไม่ให้เกินเงินทุนที่ยอมรับได้ ส่วน Take Profit คือ การตั้งจุดทำกำไรไว้เมื่อราคาขึ้นหรือลงถึงเป้าหมายที่ตั้งใจ กลยุทธ์นี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเทรด และควบคุมการเทรดตามอารมณ์ซึ่ง เป็นกลยุทธ์ที่สิ่งสำคัญมากสำหรับมือใหม่
เราหวังว่านักเทรดมือใหม่จะเข้าใจ เทรดทองคืออะไร อย่างละเอียดจากการอ่านบทความนี้ เทรดทอง เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และผู้ที่ต้องการทำกำไร เทรดทอง ระยะสั้น เพราะด้วยสภาะคล่องของทองคำจะช่วยให้คุณทำกำไรได้รวดเร็ว คุณสามารถเริ่มต้น เทรดทอง ได้ด้วยต้นทุนต่ำ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณจะเป็นนักเทรดทอง มือใหม่ ก็จำเป็นต้องมี กลยุทธ์เทรดทอง ของตัวเอง
เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย
เทรดทอง คือ การซื้อขายราคาทองคำ ขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจโลก เช่น ค่าเงินดอลลาร์ หรือเงินเฟ้อ การเทรดหุ้น คือ การลงทุนในบริษัทหนึ่ง ๆ ผลตอบแทนที่ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและเศรษฐกิจภายในประเทศ
ทองคำแท่ง คือ ทองจริงที่จับต้องได้ ต้องเก็บรักษาเอง ส่วนทองดิจิทัล คือ การลงทุนทองผ่านระบบออนไลน์ ไม่ต้องถือทองจริง เหมาะกับคนที่ต้องการซื้อ-ขายง่าย
ราคาทองคำ มักเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ หากดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองมักปรับตัวขึ้น นักลงทุนทั่วโลกหันมาถือทองเพื่อรักษามูลค่า
ควรพิจารณาเรื่องความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ ค่าธรรมเนียมในการเทรด เครื่องมือวิเคราะห์ที่ให้มา ความง่ายในการใช้งาน และบริการลูกค้า เพื่อให้เหมาะกับรูปแบบการเทรด
เริ่มจากเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาต จากนั้นกรอกข้อมูลสมัครผ่านเว็บไซต์ อัปโหลดเอกสารยืนยันตัวตนที่พิสูจน์ตัวตนได้ เมื่อบัญชีได้รับการอนุมัติ ก็สามารถฝากเงินและเริ่มเทรดได้ทันที
การซื้อ-ขายทองภายในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น ภายในวันหรือไม่กี่วัน เพื่อเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาทองในระยะสั้น กลยุทธ์นี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์กราฟ
SEO Content Writer
อิสสริยา ดวงเนตร เป็นนักเขียนคอนเท้นต์ SEO ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านการให้ความรู้ เรื่องตลาดเทรด และ การลงทุน เน้นสไตล์การเขียนที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และเนื้อหาความรู้จัดเต็ม พร้อมกับการผสมผสานเทคนิค SEO ที่ช่วยให้ผู้อ่านค้นหาบทความได้ง่าย อย่าลืมติดตามกันนะคะ
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง