Logo
หน้าหลัก     บทความ     Th     Blog     Etf คือ อะไร

หุ้น

ETF คืออะไร? คู่มือลงทุน ETF ฉบับสมบูรณ์ สำหรับมือใหม่

เขียนโดย Itsariya Doungnet

อัปเดตแล้ว 23 มิถุนายน 2025

etf-คือ-อะไร
สารบัญ

    หากคุณกำลังสนใจ การลงทุนใน ETF แต่ยังไม่เข้าใจว่า ETF คืออะไร และไม่แน่ใจว่าควรเริ่มการลุงทุนจากตรงไหน สามารถกระจายความเสี่ยงยังไง ในบทความนี้เราก็ได้รวบรวมทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับ ETF มาไว้แล้วที่นี่ รวมถึงสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเริ่มลงทุน เพื่อให้คุณพร้อมก้าวสู่การลงทุนได้อย่างมั่นใจ อ่านรายละเอียดกันต่อได้เลย

    สาระสำคัญ

    • ETF คือ กองทุนรวมที่ซื้อขายได้เหมือนหุ้น ช่วยให้ลงทุนได้สะดวก กระจายความเสี่ยงในกองเดียว

    • ETF มีหลายประเภท เช่น ETF ดัชนี, ทองคำ, กลุ่มอุตสาหกรรม หรือแบบผกผัน (Inverse)

    • คุณซื้อขายง่ายผ่านโบรกเกอร์ เหมือนหุ้นทั่วไป เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกระดับ

    • นักลงทุนควรเลือก ETF ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

    ทอลองใช้บัญชีเดโม่โดยไม่มีความเสี่ยง

    ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ

    เปิดบัญชีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

    ETF คือ?

    ETF คือ กองทุนรวมดัชนี (Exchange Traded Fund) ที่คุณสามารถซื้อขายเหมือนหุ้นทั่วไป ซึ่งภายในกองทุนรวมจะมีสินทรัพย์อยู่หลายประเภทด้วยกัน เช่น หุ้น, ตราสารหนี้ หรือ ตราสารอื่นๆ จุดเด่นของ ETF คือ ช่วยให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงได้ง่าย มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ตลอดช่วงที่ตลาดเปิดทำการ

     

    ETF ย่อมาจาก?

    • E = Exchange หมายถึง หน่วยลงทุนของ ETF มีการซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์เหมือนกับหุ้นทั่วไป

    • T = Traded หมายถึง นักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของ ETF ผ่านโบรกเกอร์หรือบริษัทหลักทรัพย์ได้สะดวกและรวดเร็ว

    • F = Fund หมายถึง ETF เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่รวบรวมเงินลงทุนจากผู้ลงทุนหลายคน เพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ

     

    ETF มีกี่ประเภท ?

    ETF มีหลายประเภทให้เลือกตามเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่คุณสามารถยอมรับได้ ซึ่งเราก็ได้รวบรวมมาให้คุณแล้วในบทความนี้ ไปอ่านต่อกันได้เลย

    ETF-มี-กี่-ประเภท

    1. ETF ดัชนี (Index ETF)

    ETF ประเภทนี้เป็นกองทุนที่ออกแบบมาเพื่อติดตามดัชนีตลาดหลัก เช่น SPDR S&P 500 ที่อ้างอิงดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ หรือ iShares MSCI World ที่ติดตามหุ้นทั่วโลก การลงทุนใน ETF ดัชนีช่วยให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงได้ดี ไม่ต้องเลือกหุ้นรายตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดกว้างๆ

     

    2. ETF สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity ETF)

    ETF ประเภทนี้เน้นการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน หรือโลหะมีค่าต่าง ๆ ยกตัวอย่างที่รู้จักกันดี ได้แก่ SPDR Gold Shares (GLD) ซึ่งลงทุนในทองคำ และ United States Oil Fund (USO) ที่ลงทุนในน้ำมันดิบ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ หรือมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)

     

    3. Inverse ETF (ETF แบบผกผัน)

    Inverse ETF คือ กองทุนที่ให้ผลตอบแทนตรงข้ามกับดัชนีที่อ้างอิง เช่น หากดัชนีลดลง 1% Inverse ETF อาจให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นประมาณ 1% เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็งกำไรจากการที่ตลาดขาลง หรือใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตลงทุน

     

    4. Leveraged ETF (ETF แบบเพิ่มแรงทด)

    ETF ประเภทนี้ใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทน เช่น ทำให้ได้ผลตอบแทน 2 เท่า (2x) หรือ 3 เท่า (3x) ของดัชนีอ้างอิง แม้จะมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงสูงตามมาด้วย จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์และยอมรับความผันผวนได้

     

    5. Thematic ETF (ETF ตามธีมการลงทุน)

    ETF ประเภทนี้เน้นลงทุนในธีมเฉพาะ เช่น เทคโนโลยี พลังงานสะอาด ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หุ่นยนต์ สุขภาพ หรือชีววิทยาศาสตร์ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นในแนวโน้มระยะยาวของอุตสาหกรรมหรือธีมเฉพาะ และต้องการลงทุนตามกระแสที่กำลังเติบโต

     

    ETF ที่ได้รับความนิยมในไทย มีอะไรบ้าง?

    ตลาด ETF ในประเทศไทยอาจจะยังไม่ใหญ่มากเท่าต่างประเทศ แต่ก็มีหลาย กองทุน ETF ที่น่าลงทุน 2025 และเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักลงทุน โดยเฉพาะ ETF ที่อ้างอิงกับดัชนีหุ้นไทย อย่างเช่น TDEX (กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET50 ETF) ซึ่งติดตามดัชนี SET50 เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่

    นอกจากนี้ ก็ยังมีกองทุน ETF ที่เปิดโอกาสให้เข้าถึงตลาดต่างประเทศ ดังนี้:

    • ONE-GECOM เป็นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ทั่วโลก

    • SCBCHA คือ การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมสุขภาพของสหรัฐฯ

    • K-USA สามารถติดตามดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ผ่านกองทุนรวมดัชนี รวมถึง DR (Depositary Receipt) และ DRx ที่แม้ไม่ใช่ ETF โดยตรง แต่ทำหน้าที่คล้ายกัน ช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถลงทุนใน ETF ต่างประเทศได้สะดวกขึ้น เช่น Tesla, Apple หรือ S&P500 ได้สะดวกขึ้น ผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย

     

    ETF สำหรับมือใหม่ ต้องรู้อะไรบ้าง?

    หากคุณเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่กำลังมองหาทางเลือกในการลงทุนที่เข้าใจง่าย ค่าธรรมเนียมไม่สูง  สามารถกระจายความเสี่ยงได้ในกองทุนเดียว ETF (Exchange-Traded Fund) อาจเป็นคำตอบที่น่าสนใจที่สุดกองหนึ่ง

    สิ่งที่มือใหม่ควรรู้ คือ ETF มีหลายประเภท เช่น ETF ดัชนีที่ติดตามดัชนีหุ้นหลัก (เช่น SET50 หรือ S&P 500), ETF สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ หรือ ETF ต่างประเทศที่ให้คุณลงทุนในหุ้นระดับโลกได้จากตลาดหลักทรัพย์ไทยเอง

    การเริ่มต้นลงทุนใน ETF สำหรับมือใหม่จึงควรเริ่มจากการเลือก ETF ที่มีโครงสร้างเข้าใจง่าย เช่น ETF ดัชนีในประเทศ ควบคู่กับการศึกษาความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของตัวเอง เพื่อให้การลงทุนมีทิศทางที่ชัดเจนและเหมาะสมกับคุณมากที่สุด

     

    ซื้อขาย ETF อย่างไร?

    คุณสามารถซื้อขายได้ง่ายในช่วงเวลาตลาดเปิด เช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้นทั่วไป และยังสามารถตรวจสอบราคาหุ้น ETF และข้อมูลต่างๆ ได้อย่างโปร่งใส มือใหม่ก็สามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้ไม่ยาก

    1. เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น: คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ XS ที่คุณเลือก เพียงเตรียมเอกสารยืนยันตัวตนตามนโยบายของโบรกเกอร์

    2. ฝากเงินเข้าบัญชี: เมื่อคุณสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเลือกโอนเงินเข้าสู่บัญชีซื้อขายหุ้นเพื่อใช้ในการซื้อ ETF ได้ ซึ่ง XS ก็มีตัวเลือกการฝากเงินที่สะดวก รวดเร็ว อย่างการฝากผ่าน QR code ที่คุณสามารถทำรายการได้ทันที

    3. ค้นหา ETF ที่ต้องการลงทุน: ใช้ระบบซื้อขายหุ้นออนไลน์ หรือแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์เพื่อค้นหา ETF ที่คุณสนใจ เพียงตรวจสอบดูชื่อกองทุนหรือรหัสย่อของแต่ละกองทุน

    4. ส่งคำสั่งซื้อ ETF: กำหนดจำนวนหน่วยที่ต้องการซื้อ และราคาที่พร้อมจ่าย (หรือเลือกราคาตลาด) จากนั้นส่งคำสั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์ม

    5. ติดตามสถานะคำสั่งซื้อขาย: ตรวจสอบว่าคำสั่งซื้อได้รับการดำเนินการเรียบร้อยแล้ว หรือมีการเปลี่ยนแปลงราคาในตลาด

     

    ความเสี่ยงของ ETF มีอะไรบ้าง?

    การลงทุนก็ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยง ที่นักลงทุนจำเป็นต้องเข้าใจการบริหารความเสี่ยง คุณจะต้อง เข้าใจความเสี่ยงตลาด ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน ซึ่งความผันผวนของ ETF จะปรับตัวขึ้นและลงตามราคาสินทรัพย์ที่อ้างอิง หากหุ้นนั้นราคาลดลง ก็จะทำให้ ETF ลดลงตามไปด้วย

    นอกจากนี้แล้วก็มี ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน หากคุณลงทุนในตลาดต่างประเทศ อีกความเสี่ยงที่ต้องระวังคือ Tracking Error ที่เป็นความแตกต่างระหว่างผลตอบแทน ETF และ ดัชนีอ้างอิง สุดท้ายก็คือ ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง ที่หาก EFT นั้นมีการซื้อขายน้อย ก็ทำให้ขายออกได้ยาก

     

    ความแตกต่างระหว่าง ETF กับกองทุนรวม

    นักลงทุนมือใหม่อาจจะสงสัยความแตกต่างระหว่าง ETF กับ กองทุนรวม ซึ่งอันที่จริงแล้ว มีเป้าหมายหลักเหมือนกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันหลายด้าน ตามนี้

    ความแตกต่าง-ระหว่าง-ETF-กับ-กองทุนรวม

    ETF หรือ Exchange-Traded Fund ซื้อขายได้เหมือนหุ้น คือ คุณสามารถซื้อขายได้ทันที ราคาจะเปลี่ยนตามอุปสงค์และอุปทาน เหมาะกับคนที่ต้องการตลาดซื้อขายที่มีความยืดหยุ่นสูง

    กองทุนรวมทั่วไป เป็นการซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่ราคาจะอัปเดตวันละครั้งหลังตลาดปิด ที่คุณไม่สามารถซื้อขายได้ทันทีเหมือน ETF

     

    วิธีเลือก ETF ให้เหมาะกับเป้าหมาย

    การลงทุน ETF จะต้องมีการกำหนดเป้าหมาย เพื่อให้คุณสามารถลงทุนได้ง่าย ช่วยกระจายความเสี่ยง และลดค่าใช้จ่ายได้ ซึ่งนักลงทุนมือใหม่ก็สามารถทำตามขั้นตอนล่างๆ นี้ได้ง่าย เพื่อตอบโจทย์กับเป้าหมายลงทุนของคุณทั้งระยะสั้นและระยาว

    วิธีเลือก-ETF-ให้-เหมาะ-กับ-เป้าหมาย

    • กำหนดเป้าหมายการลงทุนของคุณ: ตัดสินใจว่า การลงทุนนี้เป็นการเก็บเงินระยะสั้น หรือ ระยะยาว เพื่อช่วยให้คณกระจายความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น

    • เลือกประเภทของ ETF ให้ตรงกับเป้าหมาย: หากคุณลงทุนระยะยาว ก็สามารถเลือก SET50, S&P 500 หรือ MSCI World ได้ สำหรับกองทุนที่เติบโตเร็ว ก็คือ ETF กลุ่มเทคโนโลยี, พลังงานสะอาด และ สุขภาพ ส่วน ETF ทองคำ หรือพันธบัตรรัฐบาล เป็นตัวเลือกป้องกันความเสี่ยง

    • พิจารณาค่าธรรมเนียม: ETF มีค่าธรรมเนียมต่ำ แต่ทั้งนี้แล้วก็ขึ้นอยู่กับ ETF ที่คุณเลือกด้วยเช่นกัน

    • ตรวจสอบสภาพคล่องของ ETF: ดูว่ามีปริมาณซื้อขายในแต่ละวันมากน้อยแค่ไหน เพื่อการซื้อขายที่ง่าย ราคาสมเหตุสมผล

    • เช็กนโยบายการกระจายความเสี่ยง: ETF รวมสินทรัพย์หรือหุ้นไว้อยู่หลายตัว ควรหลีกเลี่ยง ETF ที่ลงทุนในหุ้นจำนวนน้อย

    • พิจารณาความเสี่ยงที่ยอมรับได้: หากคุณต้องการกาลงทุนที่มีความมั่นคง ก็ควรเลือกหุ้นที่มีความผันผวนได้น้อย หากคุณรับความเสี่ยงได้มาก ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง

    • ศึกษาข้อมูลกองทุนก่อนตัดสินใจ: ควรอ่านหนังสือชี้ชวน รายละเอียดของกองทุน และผลการดำเนินงานย้อนหลัง เพื่อเปรียบเทียบกับ ETF อื่นในประเภทเดียวกัน

     

    ข้อดีและข้อเสียของ ETF

    ETF ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่นักลงทุนอย่างมาก และเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับพนักงานออฟฟิศที่ต้องการความมั่นคงในระยะยาว แต่แน่นอนว่าการลงทุน ETF ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

     

    ข้อดีของการลงทุน ETF:

    หนึ่งในจุดแข็งของ ETF คือ สภาพคล่องสูง เพราะสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาที่ตลาดเปิดเหมือนหุ้นทั่วไป นอกจากนี้ ETF ยังมีค่าธรรมเนียมการจัดการที่ต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป และยังมอบความหลากหลายในการลงทุนได้ภายในกองทุนเดียว ทำให้ช่วยกระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     

    ข้อเสียของการลงทุน ETF:

    แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่ ETF ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ โดยเฉพาะ “ความเสี่ยงด้านตลาด” เนื่องจากราคาของ ETF แปรผันตามดัชนีหรือสินทรัพย์อ้างอิง หากตลาดผันผวนมากก็อาจทำให้ขาดทุนได้ อีกทั้งในบางช่วงเวลา ผลตอบแทนของ ETF อาจไม่ตรงกับดัชนีที่อ้างอิงเสมอไป เนื่องจากค่าบริหารจัดการและโครงสร้างของกองทุ

     

    สรุป

    หากคุณกำลังมองหาคู่มือการลงทุนที่เข้าใจง่าย มีค่าธรรมเนียมต่ำ และสามารถกระจายความเสี่ยงได้ในกองทุนเดียว ก็ควรเลือก ETF หรือ Exchange-Traded Fund ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในไทย เพราะมีความมั่นคงในระยะยาว ซึ่ง ETF คือ กองทุนรวมชนิดหนึ่งที่ซื้อขายได้เหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ มีหลากหลายประเภท เช่น ETF ดัชนี, ETF ทองคำ, ETF ต่างประเทศ ไปจนถึง Inverse และ Leveraged ETF ที่ ETF อาจไม่ใช่การลงทุนที่ปราศจากความเสี่ยง แต่ถ้าคุณมีความเข้าใจที่ถูกต้อง และเลือก ETF ที่เหมาะกับเป้าหมายการลงทุนของตัวเอง

    พร้อมสำหรับก้าวต่อไปในการซื้อขายหรือยัง?

    เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย

    รับสิทธิ์เข้าถึงฟรี
    สารบัญ

      คำถามที่พบบ่อย

      ETF เหมาะกับทั้ง นักลงทุนมือใหม่ และ นักลงทุนที่มีประสบการณ์ เพราะมีความยืดหยุ่นสูง ซื้อขายง่ายเหมือนหุ้น และกระจายความเสี่ยงได้ในกองทุนเดียว ต้นทุนน้อย เข้าถึงหุ้นได้หลายตัว

      ETF เหมาะกับคนที่ไม่อยากเลือกหุ้นรายตัว และต้องการกระจายการลงทุนแบบอัตโนมัติ ส่วนหุ้นเหมาะกับคนที่ต้องการลงทุนเฉพาะบริษัท มีความรู้เจาะลึก และยอมรับความผันผวนได้มากกว่า

      มีค่ะ ETF บางกองจะ จ่ายปันผลให้กับผู้ถือหน่วย คล้ายกับหุ้น คุณสามารถเลือกลงทุนใน ETF แบบสะสมมูลค่า ที่ไม่จ่ายปันผล หรือแบบจ่ายปันผลเป็นรายงวด ขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละกองทุน

      ETF ต่างประเทศ คือ กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีหรือสินทรัพย์ในตลาดต่างประเทศ เช่น S&P 500, Nasdaq, หรือหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก นักลงทุนไทยสามารถลงทุนได้ผ่าน ETF ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ

      เลือก ETF ที่มีความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง เช่น ETF ดัชนีใหญ่ แล้วลงทุนแบบ DCA (ทยอยซื้อรายเดือน) และถือไว้ระยะยาว เน้นการเติบโตของมูลค่าและการกระจายความเสี่ยงตามเวลา

      ETF หุ้นไทยจะลงทุนในดัชนีหรือหุ้นในประเทศไทย เช่น SET50 หรือหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมไทย ส่วน ETF ต่างประเทศ จะอ้างอิงดัชนีหรือหุ้นในต่างประเทศ เช่น Nasdaq, Dow Jones หรือหุ้นจีน

      Itsariya Doungnet

      Itsariya Doungnet

      SEO Content Writer

      อิสสริยา ดวงเนตร เป็นนักเขียนคอนเท้นต์ SEO ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านการให้ความรู้ เรื่องตลาดเทรด และ การลงทุน เน้นสไตล์การเขียนที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และเนื้อหาความรู้จัดเต็ม พร้อมกับการผสมผสานเทคนิค SEO ที่ช่วยให้ผู้อ่านค้นหาบทความได้ง่าย อย่าลืมติดตามกันนะคะ

      เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง

      scroll top