ตลาด
บัญชี
แพลตฟอร์ม
นักลงทุน
โปรแกรมพันธมิตร
สถาบัน
โปรแกรมความภักดี
เครื่องมือ
เขียนโดย Itsariya Doungnet
อัปเดตแล้ว 27 มิถุนายน 2025
กลยุทธ์การเทรดแบบ Price Action เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากในตลาด Forex เพราะเหมาะกับการเทรดทุกสไตล์ ไม่ว่าคุณจะชอบการเทรดระยะสั้นหรือระยะยาว อีกอย่างการทำความเข้าใจ Price Action ก็ถือได้ว่าเป็นหลักการพื้นฐานสำหรับนักเทรดทุกคน ในบทความนี้เราจะมาตอบคำถามที่คุณมี Price Action คืออะไร, การวิเคราะห์ราคา, รูปแบบแท่งเทียนใน price action และอื่นๆ กันแบบครบจบที่นี่ที่เดียว
Price Action คือ เทคนิควิเคราะห์กราฟด้วยการอ่านราคาจากแท่งเทียน เพื่อจับสัญญาณซื้อขายและแนวโน้มตลาดอย่างแม่นยำ
5 รูปแบบเทรดยอดนิยมมี Pin Bar, Inside Bar, Engulfing Pattern, Breakout & Retest, และ Support & Resistance Zone
การเทรด Price Action เริ่มจากวิธีฝึกอ่านกราฟแท่งเทียน ทำความเข้าใจรูปแบบแท่งเทียน จับแนวรับแนวต้านได้ และฝึก Backtest
แนะนำใช้ Price Action ร่วมกับ Risk Management และการกราฟจากหลายกรอบเวลา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจเทรด
ลงทะเบียนบัญชีเดโม่ฟรีและปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
Price Action คือ การวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาที่เคลื่อนไหวบนกราฟ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้ Indicator เข้ามาช่วย เป็นการอ่านแท่งเทียนที่จะใช้ในการตีความพฤติกรรมตลาด เพื่อจับสัญญาณคำสั่งซื้อเข้า-ออกได้อย่างแม่นยำ
นักเทรด Price Action จะโฟกัสไปที่สิ่งที่ตลาดกำลังบอกผ่านการเคลื่อนไหวของราคา เช่น แนวรับแนวต้าน price action เป็นอย่างไร, มีแรงซื้อหรือแรงขายชัดเจนแค่ไหน หรือแท่งเทียนรูปแบบใดบ้างที่บอกใบ้ว่าราคากำลังจะกลับตัวหรือไปต่อ
การเทรดเพื่อทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง คุณจะต้องเข้าใจพฤติกรรมของราคา Price Action เช่น การรู้หลักการพื้นฐานของ Price Action เพื่อช่วยให้คุณจับจังหวะตลาดได้ดีขึ้นและตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมั่นใจ บทความนี้จะสรุปสิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อเริ่มต้นใช้ Price Action ได้ถูกต้องและได้ผล
Price Action คือการวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาตลาดฟอเร็กซ์ โดยการดูจากกราฟราคาโดยตรง ราคาจะสะท้อนความต้องการซื้อ-ขายของตลาดแบบเรียลไทม์ การเคลื่อนไหวของราคามักจะเป็นรูปแบบที่ซ้ำกัน เช่น เทรนด์ขาขึ้น หรือขาลง การสังเกตพฤติกรรมราคาจะช่วยให้เรารู้ว่า ตลาดกำลัง “ชะลอ” หรือ “พุ่งตัว” ในแต่ละช่วงเวลา
แนวรับ (Support) คือระดับราคาที่มีแรงซื้อเข้ามาช่วยดันราคา เพื่อไม่ให้ตกต่ำลงไปมากกว่า ระดับนี้มักเป็นจุดที่ราคา “เด้งขึ้น” ได้
แนวต้าน (Resistance) คือระดับราคาที่มีแรงขายเข้ามาขัดขวางไม่ให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นต่อไปได้ง่าย
โซนสำคัญ คือบริเวณแนวรับหรือแนวต้านที่ราคามักเกิดการต่อสู้กันของแรงซื้อและแรงขาย ซึ่งมักจะทำให้เกิดรูปแบบแท่งเทียนกลับตัว ช่วยในการวางแผนซื้อขาย และตั้งจุดตัดขาดทุน หรือ Stop Loss ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แท่งเทียนบอกข้อมูลสำคัญ เช่น ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด ราคาปิด และราคาเปิดในช่วงเวลาหนึ่ง
รูปแบบแท่งเทียนที่สำคัญ เช่น
Hammer / Pin Bar: แท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวด้านล่าง บ่งบอกว่าราคามีแรงซื้อกลับมา อาจเป็นสัญญาณกลับตัวขึ้น
Shooting Star: แท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวด้านบน บ่งบอกว่าราคาถูกขายออกแรง อาจเป็นสัญญาณกลับตัวลง
Doji: แท่งเทียนที่เปิดปิดราคาใกล้เคียงกัน แสดงความลังเลของตลาด
เรามาดูกันต่อว่า 5 รูปแบบ Price Action ยอดนิยม ที่ใช้กันจริงในตลาด Forex มีอะไรบ้าง หากคุณต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถดู 17 รูปแบบ Price Pattern และ Chart Pattern สำหรับเทรดในปี 2025 ได้เลย เพื่อไม่พลาดสัญญาณการเทรดที่สำคัญ
Pin bar คืออะไร? แท่งเทียนที่มีไส้ยาวแสดงถึงแรงปฏิเสธราคาจากฝั่งตรงข้าม เช่น ไส้ยาวด้านล่างแสดงว่าราคาถูกดันขึ้นจากแรงซื้อ เป็นสัญญาณกลับตัวขึ้น ตรงกันข้ามถ้ามีไส้ยาวด้านบนคือแรงขายดันราคาลง ที่นิยมใช้บริเวณแนวรับแนวต้านสำคัญ
Inside Bar คือแท่งเทียนที่อยู่ภายในช่วงราคาของแท่งก่อนหน้า มักเกิดในช่วงที่ตลาดพักตัวหรือรอข่าวสำคัญ การเบรกออกจาก Inside Bar มักตามมาด้วยการเคลื่อนไหวรุนแรง จึงเป็นสัญญาณที่มืออาชีพใช้เพื่อจับจังหวะ Breakout ที่แม่นยำ
Engulfing candle คืออะไร? รูปแบบแท่งเทียนสองแท่งที่แท่งที่สอง “ใหญ่กว่า” แท่งแรกทั้งตัว เช่น Bullish Engulfing เกิดเมื่อแท่งเขียวกลืนแท่งแดงก่อนหน้า เป็นสัญญาณแรงซื้อกลับตัวขึ้น ส่วน Bearish Engulfing คือแท่งแดงใหญ่กว่าแท่งเขียว เป็นสัญญาณกลับตัวลงอย่างชัดเจน
หลังจากราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ มักจะมีการ “Retest” กลับมาแตะระดับเดิมก่อนจะไปต่อ การเข้าเทรดในจังหวะ Retest นี้ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ และให้โอกาสทำกำไรสูง หากมีสัญญาณแท่งเทียนร่วมด้วย เช่น Pin Bar หรือ Engulfing จะยิ่งเพิ่มความแม่นยำ
โซนแนวรับแนวต้าน คือบริเวณที่ราคามักมีการกลับตัวหรือพักตัว เทรดเดอร์มืออาชีพนิยมใช้ Price Action ควบคู่กับการวิเคราะห์โซนเหล่านี้เพื่อหาจุดเข้าซื้อหรือขายที่มีความแม่นยำ ซึ่งโซนจะเป็นช่วงเวลากว้างเพื่อรับมือความผันผวนตลาดได้ดียิ่งขึ้น
มือใหม่นักเทรดที่ต้องการฝึกการเทรด Price Action ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะคุณสามารถทำตามขั้นตอนที่เราแนะนำนี้ได้เลย!
การฝึกอ่านกราฟ Price Action เริ่มจากการทำความเข้าใจรูปแบบแท่งเทียนสำคัญ เช่น Pin Bar, Engulfing, Inside Bar และ Doji ซึ่งแต่ละแบบบ่งบอกถึงพฤติกรรมของตลาด เช่น การกลับตัวหรือช่วงพักตัวของราคา
นอกจากนี้ การจับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญช่วยให้เทรดเดอร์รู้จุดเด้งและทะลุของราคาได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการใช้การวิเคราะห์หลายกรอบเวลา เพื่อมองภาพรวมตลาดและหาโอกาสเข้าเทรดในจังหวะที่เหมาะสม
Backtest คือการทดสอบกลยุทธ์เทรดย้อนหลังด้วยข้อมูลจริง วิธีนี้ช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ว่าแผนเทรด Price Action ของตัวเองทำงานได้ดีแค่ไหน โดยการย้อนดูกราฟย้อนหลัง หาสัญญาณเข้าออกตามกติกาที่ตั้งไว้ แล้วบันทึกผลกำไรขาดทุน เพื่อปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำ Backtest อย่างสม่ำเสมอช่วยสร้างความมั่นใจและลดความเสี่ยงในการเทรดจริง
การบริหารความเสี่ยงการเทรดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นักเทรดควรกำหนดขนาดล็อตให้เหมาะสมกับทุนและตั้ง Stop Loss อย่างมีเหตุผลตามแนวรับแนวต้านที่วิเคราะห์ได้ นอกจากนี้ควรกำหนดเป้าหมายกำไร (Take Profit) ที่สมดุลกับความเสี่ยง เช่น อัตราส่วน Risk-Reward 1:2 ขึ้นไป การมีวินัยในการปฏิบัติตามแผน Risk Management ช่วยป้องกันไม่ให้ขาดทุนหนักและรักษาพอร์ตให้เติบโตในระยะยาว
การเลือกใช้ Multiple Timeframe Analysis คือการดูกราฟในหลายเวลา เช่น เริ่มจากกรอบ Daily เพื่อดูแนวโน้มหลักของตลาด จากนั้นลดลงมาดูกรอบ 4 ชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมง เพื่อหาโอกาสเข้าเทรดที่แม่นยำ เทคนิคนี้ช่วยให้เห็นภาพรวมตลาดชัดเจนขึ้น สามารถจับจังหวะเข้าเทรดได้ดี ทำให้การตัดสินใจเทรดมีประสิทธิภาพและมั่นใจมากขึ้น
ข้อดี
ข้อเสีย
ไม่ต้องพึ่งพา Indicator ช่วยให้วิเคราะห์ราคาตรงจุดและเร็วขึ้น
สัญญาณบางครั้งไม่ชัดเจนในช่วงตลาดผันผวนสูง
เหมาะกับทุกสไตล์การเทรด ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
อาจเกิดความคลาดเคลื่อนถ้าอ่านตลาดผิดพลาด
เข้าใจง่าย ใช้งานได้จริง แม้สำหรับมือใหม่
เสี่ยงถ้าไม่มีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี
ช่วยจับจังหวะเข้า-ออกตลาดได้แม่นยำ
Price Action คือ การอ่านการเคลื่อนไหวของราคาจากกราฟแท่งเทียน เป็นการเทรดแบบไม่ใช้ indicator เทคนิคนี้ช่วยให้นักเทรดจับจังหวะตลาดและตัดสินใจซื้อขายได้อย่างแม่นยำ พร้อมกับการวิเคราะห์แนวรับแนวต้าน การใช้ Price Action ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงและการดูหลายกรอบเวลา ช่วยเพิ่มโอกาสชนะและลดความผิดพลาด
เปิดบัญชีและเริ่มต้นเลย
Price Action Pattern คือรูปแบบพฤติกรรมราคาที่เกิดขึ้นบนกราฟแท่งเทียน ซึ่งบ่งชี้ทิศทางราคาต่อไป อาจเป็นสัญญาณการกลับตัวหรือการต่อเนื่องของแนวโน้ม
Hammer คือแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวด้านล่างและตัวแท่งเล็ก หมายถึงราคาลงมาแรงแต่มีแรงซื้อเข้ามาดันราคากลับขึ้น ถือเป็นสัญญาณบอกว่าราคามีโอกาสกลับตัวขึ้น ส่วนมากพบที่แนวรับสำคัญ
Price Pattern แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ รูปแบบกลับตัว (Reversal Pattern) ที่บ่งบอกว่าราคาจะเปลี่ยนทิศทาง และรูปแบบต่อเนื่อง (Continuation Pattern)
รูปแบบกราฟราคาแบบกลับตัว เป็นรูปแบบที่บ่งชี้ว่าราคากำลังจะเปลี่ยนทิศทาง เช่น จากขาขึ้นเป็นขาลง หรือจากขาลงเป็นขาขึ้น ตัวอย่างเช่น Hammer ที่มีไส้ล่างยาว, Engulfing ที่แท่งเทียนตัวหลังกลืนแท่งเทียนตัวก่อน และ Pin Bar ที่แสดงแรงซื้อหรือขายกลับตัว
รูปแบบกราฟต่อเนื่อง เป็นรูปแบบที่บอกว่าราคาจะยังคงเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดิมหลังจากช่วงพักตัวหรือการรวมตัว เช่น รูปแบบ Flag ที่เหมือนธง, Pennant ที่เหมือนสามเหลี่ยมเล็ก ๆ และ Triangle
แรงซื้อแรงขายดูได้จากแท่งเทียน เช่น แท่งเขียวยาวแสดงแรงซื้อ แท่งแดงยาวแสดงแรงขาย และแท่งเทียนแบบ Pin Bar ที่บอกการกลับตัว ราคาที่ไม่หลุดแนวรับแสดงแรงซื้อแข็งแรง ราคาชนแนวต้านไม่ผ่านแสดงแรงขายมาก รวมถึงดูปริมาณซื้อขายช่วยยืนยันแรงซื้อขายได้ด้วย
SEO Content Writer
อิสสริยา ดวงเนตร เป็นนักเขียนคอนเท้นต์ SEO ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านการให้ความรู้ เรื่องตลาดเทรด และ การลงทุน เน้นสไตล์การเขียนที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และเนื้อหาความรู้จัดเต็ม พร้อมกับการผสมผสานเทคนิค SEO ที่ช่วยให้ผู้อ่านค้นหาบทความได้ง่าย อย่าลืมติดตามกันนะคะ
เนื้อหาในเอกสารหรือภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของบริษัท ข้อมูลในที่นี้ไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุนใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ ไม่มีการแสดงถึงข้อผูกพันในการซื้อบริการการลงทุน และไม่รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัท XS บริษัทในเครือ ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน ไม่รับประกันห้วงเวลา ความสมบูรณ์หรือความถูกต้องของข้อมูลหรือข้อมูลใดๆที่มีให้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆที่เกิดจากการลงทุนตามข้อมูลดังกล่าวแพลตฟอร์มของเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่กล่าวถึง